"เงิน" สิ่งเล็กๆ แต่อำนาจช่างยิ่งใหญ่


             คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า หลาย สิ่งที่พวกเราพยายามทำกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนให้เก่ง หรือทำงานอย่างหนัก  รวมถึงความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ทุกสิ่งเหล่านี้นั้นล้วนแต่เป็นการพยายามไขว้คว้าให้ได้มาซึ่ง "เงิน"


             "เงิน"  เป็นสิ่งที่หลายๆ คนให้คำนิยามไม่เหมือนกัน  บ้างก็ว่า'เงินคือพระเจ้าบ้างก็ว่า'เงินคืออำนาจ'  แต่จริงๆแล้ว เงินก็คือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ผู้คนในสังคมให้การยอมรับสำหรับการจ่ายค่าสินค้า บริการและยอมรับในการจ่ายชำระหนี้

             “เงิน” นั้นมีใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่ว่าในสมัยโบราณเราใช้เปลือกหอยหรือโลหะในการแทนค่าเงิน  ส่วนในปัจจุบันนั้นเงินแบ่งออกเป็นสองประเภท  อันได้แก่ เหรียญกษาปณ์ หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า "เหรียญ"  และอีกประเภทหนึ่งก็คือ ธนบัตร  หรือ เรียกสั้นๆ ว่า "แบงค์"  โดยเงินของแต่ละประเทศนั้นก็ต่างได้รับการออกแบบให้มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว  และมีทำให้ยากต่อการปลอมแปลงโดยเพิ่มลายน้ำ  และใช้วัสดุพิเศษต่างๆ เข้ามาเพิ่มในธนบัตร

             สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนยังไม่รู้ก็คือ เงินนั้นนอกจะเป็นสื่อกลางสำหรับแลกเปลี่ยนแล้ว เงินก็ยังเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดหนึ่งอีกด้วย เพราะว่าเงิน(ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์หรือธนบัตร) ก็ล้วนแต่ถูกผลิตขึ้นจำนวนมาก และนำไปใช้กันอย่างกว่างขวางจนเป็นที่ยอมรับให้ใช้ในสังคมในปัจจุบัน และเหตุผลที่ข้าพเจ้าเลือกเงินมาประกอบในบทความนี้ก็เพราะว่าหลายๆ คนนั้นอาจจะยังไม่ทราบ ว่าเงินก็คือสิ่งพิมพ์ชนิดหนึ่งนั้นเอ 

  
            เงินถือว่าเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อสังคมเราเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเงินจะดูเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เป็นเพียงเหรียญโลหะ หรือธนบัตรกระดาษก็ตาม แต่อิทธิพลของเงินนั้นกลับส่งผลมากมายต่อชีวิตประจำวัน และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกันเลยทีเดียว เพราะหากประชาชนไม่นำเงินมาจับจ่ายใช้สอย ระบบเศรษฐกิจก็จะไม่มีเงินหมุนเวียน ทำให้ส่งผลต่อปัจจัยการผลิต และมีผลกระทบต่อการลงทุนต่างๆ ตามมา

            ตัวอย่างำนาจของเงินที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดนั้นมีให้เห็นได้เป็นประจำทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ  ไม่ว่าจะข่าวลูกจ้างฆ่านายจ้างเพื่อขโมยทรัพย์สิน,  ข่าวลูกทำร้ายพ่อแม่เพียงเพราะพ่อแม่ไม่ให้เงินไปซื้อยาเสพติด,  ข่าวลูกหนี้ฆ่าตัวตายเพราะถูกเจ้าหนี้นอกระบบทวงหนี้,  ข่าวฆ่าชิงทรัพย์คนขับแท็กซี่  หรือที่น่ารันทดใจที่สุดคือข่าวเยาวชนยังน้อยที่จนถึงระดับอุดมศึกษาหลายคน หันไปค้าประเวณี เพียงเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปซื้อสิ่งของแบรนด์เนมราคาแพงและทันสมัยมาใช้ เพื่อที่จะยกระดับตัวเอง เพราะคิดว่าการใช้ของราคาเเพงจะทำให้สังคมยอมรับและดูทัดเทียมกับเพื่อนหรือ คนรอบข้าง


           สำหรับเเนวทางการเเก้ไขปัญหานั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเราทุกคต้องรู้จักน้อมนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  มาศึกษาเเละปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองตกอยู่ใต้อำนาจของเงิน เเละสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขในสังคมทุนนิยม

  

บทความนี้มีการใช้ภาพประกอบจาก

This entry was posted on . You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0. You can leave a response.

Leave a Reply

Share



Total View

พีรณัฐ ไกรคุ้ม Peeranat Krikhoom
bkk09man@gmail.com