พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เมื่อครั่งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเกาะปูยู จังหวัดสตูลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นับเป็นพระฉายาลักษณ์ที่เมื่อพสกนิกรชาวไทยได้เห็นต่างอมยิ้มอย่างมีความสุข
แต่ไม่ได้วางหมายกำหนดการเลยต้องแอบมาทอดพระเนตรข้างรั้วแบบนี้
เพราะทรงเกรงใจเจ้าหน้าที่เนื่องจากงานจะป่วนถ้าจะไปปรากฎพระองค์ใกล้ๆ
ต่อไปเป็นบทความจาก Forward Mail
เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่า สักประมาณ 20 ปีที่แล้ว
ขณะที่เขากำลังเดินดูหนังสือใน ร้านหนังสือดวงกมล สยามแสควร์
ก็มีนิสิตหญิงจุฬาสองสามคน เดินเข้ามาในร้าน นิสิตคนหนึ่งใบหน้า
สวยคม จัดว่าสวยน่ารัก แต่ใบหน้าดูคุ้นเหลือเกิน
ทันใดเขาก็เห็นคนเริ่มไหว้บ้าง ค้อมศรีษะบ้าง ให้แก่นิสิตคนนั้น
แต่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจจากนิสิตคนนั้นว่า
"ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นนิสิต มาหาซื้อหนังสือ
เชิญทุกท่านตามสบายค่ะ" ทุกคำที่เอ่ยจะมีคำว่า "ค่ะ" ตลอด
แล้วก็หันไปยิ้มแบบเขิน ๆ
กับเพื่อนทีมาด้วยกริยาช่างงามน่ารักเหลือเกิน เพื่อนผมย้ำ
ทันใดนิสิตกลุ่มนั้นก็หันไปเห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังเดินดูหนังสืออยู่
ในร้านเหมือนกัน จึงเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสท่านนั้น
และนิสิตท่านก็เป็นผู้เอ่ยทักว่า "สวัสดีค่ะ อาจารย์
มาหาซื้อหนังสือเหรอคะ" ทันใด ท่านอาวุโสก็สะดุ้ง
กำลังจะก้มและย่อตัวลงในท่าทำความเคารพ
แต่ความที่อยู่ในวัยชราจึงไม่ค่อยถนัด พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า "อ้าว
องค์หญิง กระหม่อมมาหาซื้อหนังสือ พะยะค่ะ"
ในตอนนั้นเพื่อนผมก็จำได้ขึ้นมาว่านิสิตท่านนั้นก็คือ สมเด็จพระเทพฯ
นั่นเอง ในตอนนั้นพระเทพก็ทรงเข้ามาประคอง อาจารย์ท่านนั้น
พร้อมกับรับสั่ง "ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ หนูกับเพื่อน
มาหาซื้อหนังสือเหมือนกัน ค่ะ" เพื่อนผม บอกว่า
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมรัก และเทอดทูนเจ้าหญิงองค์น้อยเสมอมา
ด้วยความที่ท่านไม่ทรงถือพระองค์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ผมเคยอ่านจากหนังสือสกุลไทย ช่วงตอบปัญหาของใครจำไม่ได้แล้ว
มีคนเขียนไปถามเจ้าของคอลัมภ์ว่าจริงหรือเปล่าที
พระองค์เคยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ยังเมืองทองธานี
เพื่อเสวยร้านอาหารโต้รุ่ง ก็มีคำตอบว่าจริง
พระองค์เคยเสด็จอย่างส่วนพระองค์จริงๆกับ คุณข้าหลวงอีก 2
คนไม่มีองครักษ์ติดตาม คือเสด็จยังร้านอาหารตามสั่งทั่วไปริมถนน
ตอนแรกไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย แต่มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งเห็นเข้า
ฝ่ายสามีบอกว่าไม่ใช่สมเด็จพระเทพหรอกเพราะนี่คือร้านอาหารโต้รุ่งแล้วก็ดึก
มาก แล้วด้วย แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่าเหมือนมากก็โต้กันไปโต้กันมา
จนพระองค์ทรงได้ยินจึงหันพระพักตร์มาทาง 2 สามีภรรยานี้แล้วตรัสว่า
"ใช่ แต่ขอให้ทำตัวตาม สบาย" เท่านั้นแหละครับ 2
คนนี้ก็ก้มลงกราบจนคนอื่นๆแปลกใจ ก็หันมามองกันหมดทั้งร้าน
เจ้าของร้านกับเด็กเสริฟก็เพิ่งทราบ จึงรีบเข้าไปถวายความเคารพ
พวกพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น ก็นำอาหารของร้านตนมาถวาย
จนกระทั่งเสด็จกลับไป นี่แหละครับเจ้าหญิงในใจประชาชนพระองค์จริงๆ
จำได้ว่าตอนที่พระองค์ท่านเสด็จในงาน concert
กาชาดหลายปีแล้วแล้วพระองค์ท่านทรงเป่า trumpet เพลงคู่กัด
พอท่านทรงเป่าจบ คนดูก็ตบมือท่านก็ทรงรับสั่งว่า "
แปลกจังทำไมไม่มีเสียงกรี๊ดเลย" คนดูก็เงียบกริบ...
คงตะลึงมั้งท่านก็รับสั่งย้ำอีกครั้งเท่านั้นแหล่ะ..คนดูกรี๊ดถล่ม
ผมเคยเข้าไปเล่นคอนเสิร์ตหน้าพระที่นั่งศาลาดุสิตาลัย
เมื่อสิบห้าปีก่อน
พระเทพทรงประชวรหวัดเล็กน้อยแต่ก็ตรัสก่อนพวกผมเล่นกันว่า
"วันนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดนะเป็นหวัด" พอตอนเล่น
ผมเลยบังอาจถวายแซวพระองค์ท่านว่า "ในฐานะรุ่นน้องจุฬาฯ
ขอพระราชทานอนุญาต เอ่ยพระนามพระองค์ว่า
พี่น้อยก็แล้วกันวันนี้ขอให้พี่น้อย หายหวัดเร็วๆ นะครับ"
คนดูในศาลาดุสิตาลัยเงียบกริบ ผมก็ชักหนาวสันหลังว่า
เหิมเกริมไปหรือเปล่า เพื่อนร่วมวงรีบชิงพูดต่อว่า มหาดเล็กครับ
ช่วยยิงให้ถูกคนด้วยแล้วกัน คนเลยฮากันตึง รอดไป
มีเพลงหนึ่งชื่อเพลงกล้วยไข่ ผมก็แปลงเป็นว่า
แปลกใจจริงพระเทพฯชอบอะไรพระเทพชอบกล้วยไข่ เพราะว่าพระองค์ทรงโปรด
ลัล ลัล ลัล ลา
ตอนไปรับพระราชทานดอกไม้จากพระหัตถ์ผมไปยกมือไหว้ท่าน
ท่านก็ตรัสย้อนผมว่า "ใครเค้าไหว้กัน เค้าโค้งจ้ะ"
จากนั้นท่านก็ตรัสว่า"ใครบอกฉันชอบกล้วยไข่ ฉันชอบกล้วยน้ำว่าย่ะ"
ผมไม่เคยลืมสักภาพเดียวเลยครับ
ตอนเป็นนักเรียนแถวสามย่านพระองค์ ท่านเป็นนิสิตแล้ว เคยแอบไปเดิน
"ส่อง"
รถพระที่นั่งซึ่งจอดอยู่หน้าหอประชุมจุฬาเห็นมีขนมขบเคี้ยวสารพัดใส่โหลเอาไว้
2-3โหล ทุกวัน ตลอด 4 ปีที่ทรงศึกษาอยู่
ผู้คนที่ต้องผ่านสัญจรแถวนั้นไม่เคยต้องเดือดร้อนกับการกั้นรถขบวนเป็นชั่วโมงๆ
เพียงรถพระที่นั่ง 1 คันกับรถตำรวจนำอีก 1 ที่ไม่เคยเปิดไซเรน
ไม่เคยเปิดโทรโข่ง ไม่เคยฝ่าไฟแดง เห็นพวกนักการเมือง
มีตำรวจนำตำรวจตาม วิ่งย้อนศร
กั้นรถให้แซงลัดคิวแล้วนึกถึงสิ่งที่พระองค์ปฏิบัติทุกครั้ง