Archive for 2010

“วาซาบิสด” รสชาติญี่ปุ่น สรรพคุณล้นเหลือ

No Comments »

“วาซาบิ” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการกินอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาหารพวกซูชิ หรือปลาดิบทั้งหลาย และที่ “108 เคล็ดกิน” จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ “วาซาบิสด” ที่ทำมาจากโคนลำต้นของต้น Canola แล้วนำมาฝนด้วยแผ่นหนังปลาฉลาม ก็จะได้วาซาบิสดที่กินคู่กับอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด




รสเผ็ดของวาซาบิจะแตกต่างกับความเผ็ดของพริก คือจะมีรสเผ็ดขึ้นจมูกอยู่เพียงชั่วครู่ วาซาบิจะระเหยได้ง่ายโดยเฉพาะหากโดนน้ำและความร้อน และแนะนำว่า หากจะกินวาซาบิคู่กับโชยุ อย่านำทั้งสองอย่างลงไปผสมกัน เพราะวาซาบิจะละลายไปกับโชยุได้ง่าย ซึ่งจะทำให้รสชาติที่แท้จริงของวาซาบิผิดเพี้ยนไป



ส่วนสรรพคุณของวาซาบินั้น นอกจากจะช่วยชูรสชาติอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย อาทิ



- ใช้ยับยั้งเชื้อโรคและเชื้อรา วาซาบิมีสรรพคุณลดการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ



- ใช้ยับยั้งพยาธิ มีผลหยุดการเกิดพยาธิที่อาศัยอยู่ในสัตว์ทะเล



- ใช้ยับยั้งมะเร็งกระเพาะอาหาร หยุดการเจริญเติบโตและการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร



- ใช้ป้องกันเส้นเลือดตีบ ป้องกันเลือดแข็งตัวเป็นก้อน



นอกจากนี้ ยังใช้กระตุ้นการดูดซับในระบบย่อยอาหาร ป้องกันการท้องเสีย ทำให้กระดูกแข็งแรง รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติ



สรรพคุณยาวเป็นหางว่าวแบบนี้ เห็นที “108 เคล็ดกิน” คงต้องรีบไปเสาะหา “วาซาบิสด” มากินเสียแล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน

สกลนครชวนเที่ยวงานเทศกาลโคขุนโพนยางคำ

No Comments »

จังหวัดสกลนครชวนเที่ยวงาน เทศกาลโคขุนโพนยางคำ ระหว่างวันที่ 24 - 26 ธ.ค.53 ณ สนามมิ่งเมือง โดยชูสโกแกนประจำงานคือ ลิ้มรสโคขุน ละมุนนมโคถิ่นภูพาน จิบรสหวานน้ำหมากเม่า ใต้แสงดาว หนาวนี้..ที่สกลนคร




นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนอีกหลายภาคส่วน ได้ทราบว่าเรามีเนื้อที่อร่อยไม่แพ้เนื้อจากต่างประเทศ แล้วนอกจากเนื้อโคโพนยางคำแล้ว เรายังมีของดีๆอีกมากมาย ทั้งไวท์หมากเม่า ผ้ายอมคราม แล้วเพื่อให้ประชาชนได้มีช่องทางทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดสกลนครให้คึกคักขึ้น และในช่วงเทศกาลโคขุนโพนยางคำของเรา ก็ยังมีงานแห่ดาวของพี่น้องชาวคริสต์อีกด้วย



นายชัยมงคล ไชยรบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ไฮไลท์ของงาน คือการแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชาวสกลนคร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนจากงานครั้งนี้ ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน แล้วยังมีงานเทศกาลแห่ดาว ร่วมถึงการที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็นที่สกลนครอีกด้วย



ด้านนายเอกพร รักความสุข อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สกลนครนั้นมีของดีอยู่หลายอย่าง แต่ที่รู้จักกันคือ ไวท์หมากเม่า ซึ่งจะรับประทานคู่กับแกงหวาย และปีนี้เรามีของดำของดี 3 อย่าง อาทิ ไก่ดำ วัวดำ และหมูดำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสกลนครมี่ของดี สิ่งเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนความยากจนของชาวสกลนครเป็นเมืองแห่งโอกาส เพราะเรามีความอุดมสมบรูณ์มากพอที่จะเลี้ยงคนทั้งประเทศ



สำหรับเทศกาลโคขุนโพนยางคำปีนี้ มีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การแข่งขันสุดยอดนักตุ๋นไก่ดำ การประกวดสุดยอดเชฟโพนยางคำ การประกวดเมนูก๋วยเตี๋ยวบกสูตรพระราชทาน การประกวดชุดผ้ายอมคราม ซึ่งปีนี้ผ้ายอมครามภูมิปัญญาชาวสกลนครจะขึ้นไปเฉิดฉายบนเวทีแคทวอล์คในรูปแบบงานแฟชั่นโชว์ โดยนางแบบ-นายแบบกิตติมศักดิ์ และร่วมสนุกสนานตื่นตากับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังทุกคืน และยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของดีของแซ่บเมืองสกล ของดี 4 ภาค สินค้าโอท้อป 5 ดาว และคาราวานสินค้าราคาถูกเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนลดค่าครองชีพอีกนับพันราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน

8 อาการ รู้ได้อย่างไรว่าถูก " เพื่อนแอบชอบอยู่ " !!

No Comments »

  1. คุณมักรู้สึกว่าถูกจ้องมองตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน เดิน หรือ หลับในห้องเรียน -*-
  2. เวลาเค้าทำอะไรสักอย่างให้คุณ เค้าจะบอกว่า " ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนกัน " แต่เมื่อคุณบอกว่า " ขอบใจน่ะ " คุณกลับจะได้รอยยิ้มแบบเขิล ๆ แบบเก็บไว้ไม่อยู่(แต่แอบเนียน)กลับมา
  3. เวลาอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ๆ ถ้าคุณไม่ได้สังเกตุอะไรก็จะเหมือนทุกอย่างเป็นปรกติ แต่ถ้าลองสังเกตุใครสักคนนั้นซิเค้าจะมีอาการอะไรที่แปลกไปจากคนอื่นแน่นอน
  4. เค้ามักจะงอลคุณโดยที่คุณไม่รู้สาเหตุโดยคุณจะเฝ้าถามตัวเองว่า " เป็นอะไรของ..ว่ะ !! "  *คนแอบรักจะรู้ดีว่าชอบงอลเค้าเรื่องอะไร
  5. เวลาวันสำคัญคุณมากจะได้ของขวัญจากเค้าเป็นคนแรก (ถ้าไม่นับแฟนของคุณในกรณีที่มี) ไม่แน่อาจจะก่อนแฟนของคุณด้วยซ้ำ
  6. เวลาคุณเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง เค้าจะนั่งฟังคุณอย่างใจจดใจจ่อ แม้เรื่องนั้นมันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม -*- แถมหัวเราะโอเวอร์ในมุขที่คนอื่นแค่ " หึ ๆ " หรือแป้กนั้นเอง
  7. บางครั้งเค้าอาจจะถามถึงแฟนของคุณ แล้วพูดในเชิงว่าเค้าเป็นอย่างไรยังดีอยู่ไหม ?  แต่เวลาที่คุณทะเลาะกับแฟนคุณจริง ๆ เค้ากลับปลอบใจอย่างเอาเป็นเอาตาย และพยายามทำให้คุณคืนดีกันให้ได้...เพราะเค้าไม่อาจทนเห็นน้ำตาของคุณไงล่ะ !
  8. ถ้าคุณได้เจอกับคนๆนี้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นที่แปลกไปจากเดิม เพราะคิดซะว่าที่เค้าทำเพื่อคุณก็แค่อยากให้คุณมีความสุขที่สุด เค้าไม่หวังอะไรไปมากกว่านั้น
นอกจาก ได้ใกล้ชิด ได้ดูแล แล้ว ได้รู้ว่าคุณมีความสุข ถึงจะไม่ได้รับ " คำว่ารัก " แต่แค่คำว่า " ขอบใจมากน่ะ "

แค่นี้ เค้าก็มีความสุข...มากพอแล้ว

ใส่คอนแทคเลนส์อย่างไรให้ถูกต้อง?

No Comments »

ทำความรูปจักกับอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้


      สำหรับอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการใส่คอนแทคเลนส์หลักๆนั้นมีอยู่ 2 อย่างค่ะ นั่นก็คือ น้ำยาแช่/ล้าง และตลับแช่นั้นเอง ส่วนอื่นๆนั้น ก็ควรจะมีเสริมไว้ เพื่อความสะอาด และสบายตาของเราค่ะ อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป Boots, วัตสัน และร้านแว่นที่ขายคอนแทคเลนส์ด้วยค่ะ สำหรับการซื้อใช้ครั้งแรก ควรปรึกษาเภสัชกรในร้าน และอ่านฉลากก่อนใช้ด้วยค่ะ



น้ำยาแช่/ล้าง
      น้ำยาตัวนี้จะอาไว้ใช้แช่ และล้างคอนแทคเลนส์นะคะ หรือบางที ถ้าขาดแคลนน้ำตาเทียม เราจะนำมันมาหยอดตาได้อีกด้วย  แต่อย่างไรก็ดี บางยี่ห้อก็ห้ามนำมาหยอดตาโดยตรงนะคะ

ตลับแช่เลนส์
      ส่วนใหญ่จะแถมมากับน้ำยาแช่/ล้างอยู่แล้ว เป็นตลับที่มีสองช่อง สำหรับใส่คอนแทคเลนส์ด้านซ้ายกับด้านขวาของเรานั้นเองค่ะ ตลับแช่นี่จะใช้ร่วมกับน้ำยาแช่ด้านบนค่ะ และเราควรจะเปลี่ยนตลับประมาณ 3 เดือนครั้ง เพื่อความสะอาดค่ะ

น้ำยาละลายคราบโปรตีน
      น้ำยาละลายคราบโปรตีนจะแตกต่างกับน้ำยาแช่ด้านบนตรงที่ความเข้มข้นจะเยอะกว่ามาก ใช้หยอดทีละ 1-2 หยด ลงไปในน้ำยาแช่อีกที และแช่ไว้ข้างคืนตามปกติ ใช้อาทิตย์ละครั้ง หรือเมื่อรู้สึกว่าเลนส์สกปรก  น้ำยาตัวนี้จะมาในรูปแบบของขวดเล็กๆเหมือนขวดยาหยอดตา หรือจะเป็นเม็ดๆเพื่อเปิดใช้ครั้งละเม็ดค่ะ (ระวังอย่าเอาไปหยอดตานะคะ)

น้ำตาเทียม
      น้ำตาเทียมจะเป็นขวดเล็กๆเหมือนยาหยอดตาหรือจะเป็นแบบหลอดเล็กๆก็ได้ค่ะ พกเอาไว้ใช้ตลอดวันได้ ใช้หยอดเมื่อรู้สึกว่าตาแห้ง หรือมีสิ่งสกปรกเข้าตาค่ะ  ตอนซื้อควรเลือกใช้น้ำตาเทียมที่ไว้ใช้กับคอนแทคเลนส์เท่านั้น น้ำตาเทียมธรรมดาจะทำให้เลนส์มัวค่ะ

น้ำเกลือ
      มีราคาถูก ใช้ล้างคอนแทคเลนส์ หรือล้างตลับก็ได้ แต่ไม่ควรนำมาแช่เลนส์ บางคนอาจแพ้และแสบตาเมื่อใช้น้ำเกลือค่ะ 
 
ก่อนจะใส่คอนแทคเลนส์ ผู้ใส่ควรเตรียมตัวดังนี้


  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อย่างอ่อนและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์
  • ห้ามใช้เครื่องสำอาง ครีม หรือโลชั่น ก่อนใส่เลนส์ ถ้าจะให้ดีควรใส่เลนส์ก่อน แล้วจึงค่อยแต่งหน้า
  • ในระหว่างที่ใส่คอนแทคเลนส์ ให้พยายามหลับตาเมื่อต้องใช้สเปรย์ฉีดผมหรือเครื่องสำอางที่เป็นละออง
  • ควรปรึกษาจักษุแพทย์หากต้องการใส่เลนส์ขณะทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เล่นกีฬา
  • ไม่ควรใส่เลนส์ที่หมดอายุแล้ว
  • ไม่ควรใช้เลนส์ที่พบว่าขวดบรรจุถูกเปิดมาก่อนจะถึงมือท่าน หรือขวดมีความเสียหาย
 
ขั้นตอนการใส่คอนแทคเลนส์

      ก่อนใส่เลนส์ ให้ล้างเลนส์ด้วยน้ำยาทำความสะอาด เพื่อกำจัดคราบสกปรก คราบโปรตีน หรือคราบน้ำตาที่ยังติดค้างอยู่บนเลนส์เสียก่อน จากนั้นให้จับเลนส์ขึ้นมาด้วยปลายนิ้วมือ และยกขึ้นมาไว้ในระดับเดียวกับดวงตา
  • ใช้นิ้วชี้ของมือที่ว่างอยู่ ช่วยดึงหนังตาล่างลง และเหลือกตาขึ้น
  • ค่อยๆวางเลนส์ลงในดวงตาช้าๆ เมื่อวางลงแล้วให้กระพริบตาหนึ่งครั้งเพื่อให้เลนส์เข้าที่ ท่านอาจใช้วิธีดึงหนังตาด้านตรงข้ามแล้วใส่เลนส์ตามแต่ถนัด
  • ทำซ้ำกับตาข้างที่ยังไม่ได้ใส่ ก็เป็นอันเสร็จค่ะ
 
ขั้นตอนการนำคอนแทคเลนส์ออกอย่างถูกวิธี

      ก่อนจะทำการถอดเลนส์ ให้ล้างมือทั้งสองให้สะอาด พร้อมเช็ดให้แห้งเสียก่อน
  • มองตรงๆเพื่อให้เลนส์อยู่ตรงกลางดวงตา จากนั้นให้นำนิ้วชี้จากมือทั้งสองดึงขอบตาบนและล่างออกเบาๆ
  • มองไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แล้วค่อยๆเลื่อนเลนส์ออกจากดวงตาไปทางตาขาวช้าๆ จากนั้นจึงหยิบออกด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งของมือข้างที่ถนัด
  • เมื่อถอดเลนส์เรียบร้อยแล้ว ให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาด แล้วจึงแช่เลนส์ในน้ำยาเพื่อรอการใช้งานครั้งต่อไปค่ะ
 
ข้อห้ามและข้อควรระวังขณะใส่คอนแทคเลนส์
  • ห้ามใส่นอน และไม่ควรใส่เกินวันละ 12 ชม
  • ห้ามใส่ลงน้ำ หากจำเป็นควรใช้แบบรายวัน
  • ห้ามแลกกันใส่กับผู้อื่นโดยเด็ดขาด
  • ห้ามใช้น้ำก๊อกล้างเลนส์ ควรใช้น้ำเกลือ หรือน้ำยาล้างเลนส์โดนเฉพาะเท่านั้น
  • ควรใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้า และถอดออกก่อนล้างเครื่องสำอางค์
  • ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนใส่ และก่อนถอดเลนส์
  • เมื่อเลนส์มีรอยฉีกขาด หรือเกินกำหนดการใช้งาน ควรทิ้งเลนส์นั้นทันที
  • หากใส่แล้วมีอาการเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล ควรรีบถอดออกทันที

วิธีพักผ่อนสายตา

No Comments »

คนเราส่วนใหญ่จะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มากๆ มีบางครั้งล้าสายตาหรือปวดตา ทำให้เกิดการระคายเคือง ตาอักเสบ วิธีการช่วยบรรเทาการปวดตา 

1. หลับตา แล้วเกือกตาไปมา ซ้าย ขวา บน ล่าง และหลับให้นิ้งประมาณ 5 นาที

2. ออกไปสูดอากาศหายใจจะได้ผ่อนคลายไปในตัว

3. มองดูอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ ที่มองแล้วสบายหูสบายตา วิธีนี้ส่วนมากใช้ได้ผล 70%

4. หาอุปกรณ์ เช่น แว่น ฯลฯ

เมื่อเทคโนโลยีมันก้าวมาถึงขีดที่คอมพิวเตอร์ซึ่งเคยแสนวิเศษ กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์ธรรมดาๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน ทุกคนต้องใช้ได้ใช้เป็น และเรากำลังหลงใหลได้ปลื้มกับความสามารถของคอมพิวเตอร์ จนลืมนึกถึงพิษภัยที่มันมากับคอมพิวเตอร์ แม้จะไม่ใช่ทางตรงทีเดียวกันก็ตาม พิษภัยนี้มีไว้สำหรับท่านที่นั่งใช้อยู่หน้าจอเป็นประจำเท่านั้น โดยเฉพาะท่านที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน จากการนั่งทำงานเป็นประจำ ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้นที่แน่ๆ ก็คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือ เกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้มักไม่กะพริบตา เป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือตาพร่าและมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย

ปัญหาทางตาเป็นปัญหาที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียดกล้ามเนื้อตา จะบีบรัดเลนซ์ตาจนเกิดความเมื่อยล้า หมอจึงแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับจอนานๆ ควรพักสายตาทุกสิบนาที ด้วยการเปลี่ยนไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3 นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ จักษูแพทย์ได้แนะให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ ต้องพักสายตาให้มองไกลทุก 10 นาที และท่านที่มีปัญหาสายตาสวมแว่นอยู่แล้วนั้น ถ้าต้องมารับหน้าที่อยู่หน้าจอนานๆ ควรมีแว่นตาเฉพาะสำหรับงานหน้าจอนี้ด้วยอีกอันหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากแว่นตาที่ใช้ยามปกติ ส่วนจะแตกต่างอย่างไร คงต้องปรึกษาจักษุแพทย์ และในขณะเดียวกันท่านเหล่านี้ควรได้รับการตรวจวัดสายตาเป็นประจำ เพื่อให้ได้ขนาดเลนซ์ที่เหมาะสม 

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการถนอมสายตาที่ยังไม่มีปัญหา ท่านไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่มีสีสว่างขณะนั่งหน้าจอ เพราะสีของเสื้อจะไปทำให้เกิดแสงสะท้อนบนจอภาพได้ และแสงสะท้อนนี้แหละที่จะทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้ากว่าปกติ และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเมื่อยล้าได้คือ ถ้าแสงจากจอสว่างน้อยกว่าแสงโดยรอบ ข้อนี้ผู้จัดสำนักงานควรจะมีความรู้ด้วย 

ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์เองที่จะเป็นผู้รับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาสายตาขึ้น จะไปเรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก


คำที่ใครหลายๆคนคุ้นเคย

No Comments »

จัดไปอย่าให้เสีย คิคิ


เทพ = เก่งมาก



โหล่ = ใช้แทนคำว่า ตลก, ฮา เช่น โหล่มากเลย อะไรประมาณนี้



ลูกกะเบ๊ = ก็เบ๊นั่นแหละ



จึ๊ก = มันจึ๊กอะ เช่น ดูTVอยู่แล้วไฟดับ มันจะรู้สึกจึ๊กอะ มีอะไรมาขัดจังหวะ แบบนี้วืด = พลาด



ปวดขี้เลยว่ะ = อาการประมานเซ็งๆ จนถึงขั้นเซ็งมากกกกกกกกกก



เข้าวิน = อาการ กกน. เข้าร่องค่ะ T//////Tโอ้วว!



ปาดดดด = คำอุทานของท่านเทพอ่ะ



ซุย = ขี้โม้ พูดมาก



ไปเย้ = ก้ไปเข้าห้องน้ำ ก้เย้ มาจาก เห.ยวนะ - -"



ดึ๋ยว่ะ = ก้แบบ ดูน่าเกลียด ๆ สยอง ๆหน่อย ๆ



เสยตูด = คนเตะเสยขึ้น เป็นไงคำนี้ใช้บ่อย



กลวง = ไร้ความคิด ไม่มีความสามารถในด้านวิชาการ



เควี้ย = เอ่อ ก้ อ่านะ ควาย + เหย - -^



,Ohh... = เป็นตัวอย่างคำสบถไม่สุภาพไว้ใช้เวลาเครียดจัดๆ



ด๋อย..../อ่อน...... = มันเป็นคำด่าที่ไม่แรงมาก



เกรียน = นิสัยไม่ดีสุดๆ + ถ้าเจอให้ตบทันที



เทพ = มันเป็นคำชม หรือด่าก็ได้ กรุณาดูบริบทรอบข้างคำพูดนั้นๆ



เทพเกรียน.....555+ พวกนี้ต้อง ล้างโคตร อย่าให้มันขยายพันธุ์



noob (นูป) = พวกมือใหม่ พวกที่ทำอะไรไม่ได้เรื่อง



หัวเกรียน = ใช้เรียกการกระทำที่ดูไร้สาระ ทำแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา หรือใช้เรียก พวกที่ก่อกวนคนอื่นหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน



โอโม่ = ใช้เรียกผู้หญิงที่ขาวมาก ๆ



ชะนี = ใช้เรียกผู้หญิงที่แต่งตัวจัด ๆ โป๊ ๆ แรง ๆ



เด็กญี่ปุ่น = ใช้เรียกเด็กนักเรียน ญ ที่เรียนพวกโรงเรียนพาณิชย์ อาชีวะ เทคนิค ประมาณว่า แต่งตัวญี่ปุ่น ขาดำ ตัวดำ แต่หน้าขาว ปากแดงเพราะน้ำยาอุทัยทิพย์



Jimติดเบาะ = ใช้เรียกผู้ ญ ที่เห็นผู้ชาย รวย มีรถขับ แล้ววิ่งเข้าใส่ทันทีอย่างงาม = ใช้เรียกผู้ ญ ที่น่ารัก ๆ



ตูดป็นตูด น-มเป็นน-ม = ใช้เรียก ผู้ ญ ที่หุ่นดี มีเอว มีสะโพก มีหน้าอกชิ - ช่างเถอะ เราไม่สนใจ



Moody - โอ๊ย อารมณ์เสียแต่ก้



มิได้นำพา = อันนี้ก้รู้ๆกันอยู่



ชัดเจน = เด่นแจ้ง เห็นชัด



She = คงรู้ความหมายกานอยู่



ได้อีก = ความหมายก็น่าจะรู้ๆกัน



เว่อร์ = ตรงตัว



ก่ะ-หล่ง-ก๊ง = เปิ่นๆ ,โก๊ะๆ



รั่ว = เปิ่น,ต๊อง



ติ๊ง = ติ๊งต๊อง



้่สุดตรีน = สุดใจครับพี่



ชอบ ชอบ = ตรงตัว



งานเข้า... = ได้เรื่อง หรือ มีเรื่องเดือดร้อนเข้ามา



ว่างงาน... = ไม่มีอะไรทำ เช่น เพื่อนๆทำการบ้านกัน แต่เพื่อนอีกคนไม่มีอะไรมาเรียนเลย



เลาหลือ... = เซ้าซี้ วุ่นวาย เจ๊าะแจ๊ะ น่ารำคาญ



อารมณ์เสีย... = ไม่ชอบ แบบ ขำ ขำ



เดี๋ยวจะโดน... = เดี๋ยวเถอะ เดี่ยวเถอะ



ไม่รู้ ห .ไม่รู้ ต. เลยเนอะ หรือ ไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้เลย = ไม่รู้เรื่องเลยเนอะกระโหลดกระลา



มะกูดมะนาวเปรี้ยวจีด = แรงนะเธอเปรี้ยวเชียวนะ.....



กลิ่นตัวอะ = ทักกันหมู่เพื่อน



หนักใจแทนผู้ปกครอง = เหนื่อยใจแทน



รุงรัง = กวนหรือน่าลำคาญอารายอย่างเงี้ย



อย่ามาเรา = ไม่เกี่ยวข้องด้วยการใดใดทั้งสิ้น ใช้บ่อยมากมาย



ติดหรู = ไฮโซ



จิงดิ จิงดิ๊ จิงเหรอ ใช่ดิ เหรอ = ต้องพูดทีเดียวหมดนี่เลยนะ ยาวมะ 55 + แปลตรงตัว จริงซิ



หน้าไม่เนียน = แสดงไม่เก่งเลย ใช้เวลา แกล้งเพื่อนจ้า



จีซัส = ใช้เรียนผู้ชายที่น่าตาดี 55+ แปลกมะ คนนั้นจีซัสถูกมจอ่ะ 5 5+



ฟันเหล็ก เด็กแนว แบบว่า ใช้พูดกะ ญ น่ารักๆ ที่ใส่ฟันเหล็ก 55 + ตรงๆ



จิตตก - สติเเตก



สมะถุย = แย่



สมะถุยสัสๆ = แย่มากๆ



แว๊นซ์ = เวลาเดินเข้าโรงเรียนอ่ะ จามีคนอยู่ข้างหน้าจาแข่งกันแว๊นซ์ก้อแข่งเดินแซงชาวบ้านนั่นเอง



(คำอะไรก้อได้) สั สๆ = เช่น เจอลูกหมาเงี้ย จาบอก เห้ยยย น่ารักสั สๆ เป็นต้น แสดงอาการว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ แบบว่าน่ารักม๊ากมาก เป็นต้น



เควี่ย = เอาควาย+เ้อี้ย นั่นเอง -*-



หอย!!! = แสดงอาการว่าเซ็งสุดๆ แบบไม่รู้จาพูดออกมาเป็นคำว่ารัยแล้ว -0-



สตอแหลรี่= ตอแหลมากมาย แหลได้ใจ



ทะโหล่= สะเหร่อ เปิ่นๆโหยว = มาจากคำว่าฮัลโหล หรือ โหล



เป็นติ่งไรเนี่ย= เป็นบ้าอะไรเนี่ย



เดี๋ยวหนูจะซุย - หนูจะลงมือ เเล้วนะค๊า หรือเล่นงาน



เเหล่มเลย - เเจ่มมากกๆ



ชีไม่สะทก = มาจากไม่สะทกสะท้าน (ด่าแล้วยังด้าน..ไรงี้)



ณ จุดนี้. = ตอนนี้....



off line = รับม่ะได้



ไม่ไหวเคลียมั่ก = คือๆกะoff line



หื่นๆ รถไฟมาเเล้วว - ผู้หญิงกำลังเดินมาจ้า



กูสด - เราเเต่งตัวเเปลกกว่าเพื่อน



เจ้ดโด้ - คำอุทาน เวลาตกใจ อิอิ



จิ๊กกะโหล - โหล่ๆ ได้ใจมากๆ



เฟค (Fake) = การสร้างจินตนาการ/การหลอกตัวเอง



สุดตีน = ที่สุดของที่สุด



โออิชิ = เกิดอาการชาตามร่างกาย



หรูไฮ = ดูดีมีฐานะ



สปก. = หนีเอาตัวรอดไปก่อนเพื่อน (เสือกไปก่อน)



มีองค์ = ใช้เรียกเพื่อนชายที่เป็นเกย์



ด๋อย = เชยๆ เสี่ยวๆ



ชิลๆ = ง่ายๆ สบายๆ



สวยเป๋อ = ผู้หญิงสวยแต่ซุ่มซ่าม



เพียวเค็ม = คนที่งกมากๆ



ชีเลส = ดี้



ฮีเลส = ทอม



สะแอ๋ง = ชอบสอดเรื่องชาวบ้าน



ตะไบ = เสริมแต่ง



สลิ่ม = สีสันเสื้อผ้าที่ตัดกันมากเช่น เขียวกับชมพู



เหียก = หน้าตาขี้เหร่มากๆ

ศัพท์กะเทย เช่น...



สลัมบอมเบย์ = ต่ำสุดๆ



กระต่ายป่า = ผู้ชายที่ยังไม่รู้อะไร ดูซื่อๆ



แก่นเซี้ยวเยี่ยวราด = กะเทยที่ไม่เรียบร้อย



สะดือด่วน = ไวในเรื่องเพศ



กทม. = กะเทยเก๊กแมน



ดัดจร = เวิร์บช่อง 3 ของดัดจริต



มิสเปรู = มีเงินเท่าไรให้ผู้ชายหมด



ลูกนายก = ถูกผู้ชายยกเค้าไปหมด



ฉ่ำสะมิหลา สงขลาปัตตานี แฟนตาซีภูเก็ต = เริ่ดหรูหาอะไรเปรียบไม่ได้



ช่อราษฎร์ = แย่งแฟนเพื่อน



ปาดหน้าเค้ก = แย่งผู้ชายที่คนอื่นหมายปอง



ซุงแหล = เวิร์บช่อง 3 ของตอแหล



ซิซูกะ = ตะกละ



ออนป้า = แสดงความเป็นป้าสู่สายตาประชาชน



ศัพท์คุณหนู เช่น...



ฝนเริ่มตั้งเค้า = มีใจให้กันหรือตกหลุมรัก



ล็อกอิน (Login) = เชื่อมต่อ



คุณพระช่วยกล้วยทอด = คำอุทานเวลาตกใจ ขำๆ = สนุกๆ



เต่ากัดยาง = ช้ามากๆ



ศัพท์บ้านๆ เช่น...



อย่างหรอย = รากศัพท์มาจากภาษาใต้ แปลว่าสุดยอด เยี่ยมยอด



ต๊ะต่อนหยอน = รากศัพท์มาจากภาษาเหนือ หมายถึงชิลๆ เวอร์ชั่นคำเมือง



คุณนายหอยหอม = หญิงวัย 30 ขึ้นไปแต่งตัวเก่ง ไม่ทำงานช็อปปิ้งอย่างเดียว



กะเทยลุ่มน้ำโขง = สาวประเภทสองที่แต่งกาย



แต่งหน้าสีสันฉูดฉาด สรีระกล้ามเป็นมัด โหนกแก้มสูง



ปริมณฑล = คนไม่ทันสมัยและออกเชยๆ



ขอบคุง www.com-th.net

THAI PAVILLION @ Shanghai World Expo 2010

No Comments »
















Expo หรือ World Exposition เป็นงานหมกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ โดยเจ้าภาพจะเตรียมพื้นที่ให้ประเทศต่างๆมาออกบู๊ทเพื่อโปรโมตประเทศตัวเอง โดยงานจะจัดประมาณครึ่งปี แล้วพื้นที่ที่จัดก็ใหญ่มากๆ จัดกันทุก 5 ปี แต่ระหว่างนั้นจะมีงาน Expo ที่ขนาดย่อมๆลงมาจัดอีกในระหว่างนั้น เช่น Expo 2008 ที่ซาราโกซา จัดเกี่ยวกับเรื่องน้ำ แต่ความใหญ่ของงานจะสู้งาน Expo ที่จัดทุกๆ 5 ปีไม่ได้




ย้อนหลังไปไม่กี่ปี



ปี 2000 จัดที่ฮาโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน

ปี 2005 จัดที่ไอจิ (นาโกยา) ประเทศญี่ปุ่น

ปี 2010 จัดที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

ปี 2015 จัดที่มิลาน ประเทศอิตาลี

ส่วนประเทศไทยนั้นได้มีการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน  World Expo ปี 2020 (THAILAND for World Expo 2020)  แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร  จะได้จัดหรือไม่  แต่ถ้าหากว่าความฝันเป็นจริงก็จะมีทั้งเงินตรา  นักท่องเที่ยว  ธุรกิจ  เข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้น

มานอนหลับให้พอดีกันเถอะ

No Comments »

แม้นักวิทยาศาสตร์จะ ยังไม่ทราบเหตุผลที่เชื่อมโยงแน่นอน แต่คาดว่าการนอนน้อยจะทำให้ความดันเลือดสูง ซึ่งความดันเลือดสูงนี้เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองแตก



ศ.ฟรานเชสโก คัปปุชชิโน ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ จาก ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ วอร์วิก กล่าวในการประชุมสมาคมการนอนหลับอังกฤษ ที่เมืองเคมบริดจ์ ว่า



จากการศึกษาพฤติกรรมการนอนหลับของข้าราช การอังกฤษ 10,000 คน นาน 17 ปี พบว่าผู้ที่นอนเพียงวันละ 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า มีโอกาสป่วย เป็นโรคหัวใจและโรคอื่นๆ เช่น โรคเครียด อาการทางประสาท และรู้สึกอ่อน เพลีย มากกว่าผู้ที่นอนครบ 7 ชั่วโมงขึ้นไปถึง 1.7 เท่า และมีชาวอังกฤษถึง 1 ใน 3 และชาวอเมริกันมาก กว่า 40% นอนน้อยกว่าวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลยที่ประชากรจำนวนมากขนาดนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ
สำหรับผู้ที่นอนน้อยมักจะเป็นผู้ที่ทำงานเป็นกะ หรือเป็นผู้ถูกรบกวนขณะนอนหลับอยู่บ่อยครั้ง



อย่างไรก็ตาม การนอนมากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะผู้ที่นอนมากเกินวันละ 8 ชั่วโมง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค แต่ไม่ใช่โรคหัวใจ



ดังนั้น การนอนมากไป นอนน้อยไป จึงไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าจะให้ดีต่อสุขภาพแล้ว นอนวันละ 7 ชั่วโมง นักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า "ดีที่สุด"

Share



Total View

พีรณัฐ ไกรคุ้ม Peeranat Krikhoom
bkk09man@gmail.com